♥ เหล้าแก้วนั้น


เพลงสองคำ วงลำพู

ตอน ที่ผมกับคุณนั่งประจันหน้ากันบนโต๊ะกลางร้านอาหารในวันนั้น  ผมอยากบอกว่า ขอบคุณครับที่ให้เกียรติ….เชิญผมมาร่วมโต๊ะอาหารมื้อนี้…..

คุณ…นั่งอยู่ตรงข้ามผมข้างๆลูกสาว ของผมกับคุณ แน่นอนเธอเรียกคุณว่า แม่ และเรียกผมว่า พ่อ”   ก็ คุณ…เป็นแม่เธอจริงๆนี่นา แต่ตลอดระยะเวลา 13 ปี ที่คุณไม่ได้อยู่ดูแลเธอ    ความสนิทสนมของคุณกับเธอ สู้ผมไม่ได้อย่างแน่นอน และตอนนี้ผมก็ไม่รู้จะเริ่มต้นคุยอะไรกับคุณดี…
ถ้า เป็นเมื่อก่อนคุณต้องเริ่มด้วยคำพูดที่ว่า กับข้าวที่บ้านก็มีกิน ทำไมต้องมานั่งนอกบ้าน และผมก็ต้องอ้อมแอ้มออกไปว่าก็นานๆซักครั้งจะเป็นไรไป  หลังจากนั้นเราก็จะมีเรื่องสนทนากันอีกยืดยาว
สำหรับตอนนี้ไม่เหมือนวันนั้น  ผมยังคิดว่าสิ่งที่เห็นและเป็นอยู่คือความฝัน  เพราะผมไม่เคยคิดมาก่อนสักนิดว่า  ลูกสาวของผมจะมีโอกาสเจอคุณอีก  นับตั้งแต่วันที่คุณเดินจากไป    ข่าวคราวของคุณก็เงียบหาย  ไม่ทราบว่าคุณคอยติดตามเรื่องราวของผมกับลูกบ้างหรือเปล่า  แต่ถึงติดตามคุณก็ไม่มีวันรู้หรอก  เพราะว่าผมไม่อยากให้คุณรู้…   สถานที่ที่ผมไปมันจึงต้องเป็นความลับสำหรับคุณชั่วนิจนิรันดร์…ผมอยาก ให้เป็นอย่างนั้นจริงๆ
โชคชะตาฟ้าลิขิตกระมัง ที่ทำให้เรามีโอกาสเจอกันอีก   ความจริงแล้วอยากให้คุณเจอลูกมากกว่า  สำหรับผมนะไม่ต้องหรอก
แต่ผมก็ทนคำคะยั้นคะยอของลูกไม่ไหว  ทำให้ต้องมานั่งอยู่ตรงหน้าคุณนี่ไง
คุณ…สบายดีหรือผมถามด้วยคำถามที่เชยบรรลัย
ก็เรื่อยๆคุณว่า
แม่เค้าไม่หิวหรอก แม่อยากเจอพ่อลูกสาวแซม
ผมออกขำในคำลูกสาว  อยากเจอกันอีกทำไมในเมื่อแม่เป็นฝ่ายเดินหนีไปเองแต่ผมก็ไม่พูด….และก็ดูเหมือนว่าคุณไม่หิวจริงๆ
ฉัน มีลูกสาวกะลูกชาย กับสามีเลิกกันแล้ว เขารับราชการต่างจังหวัดไปพลาดท่าเรื่องผู้หญิง   ต้องรับผิดชอบแต่งงานกัน ไม่อย่างนั้นเค้าร้องเรียนผู้ใหญ่อาจเสียหายเรื่องหน้าที่การงาน
คุณ กระซิบเรื่องราวให้ฟังขณะลูกสาวไปเข้าห้องน้ำ…น้ำเสียงคุณนิ่งและราบเรียบ ราวกับบทเทศนาของแม่ชีผู้บรรลุ   แต่ผมกลับนิ่งกว่า…ทั้งที่บรรยากาศตอนนั้นเหมือนกับเรากำลังเล่นไพ่รัมมี่ และคุณเป็นฝ่ายทิ้งสเปโตให้ผมน็อคมืดคามือ   แต่ผมก็ไม่ยินดียินร้ายเสียแล้ว….
ทุกวันนี้ฉันเลี้ยงลูก 2 คนเพียงลำพัง เงินที่เขาส่งมาก็น้อยนิด เพราะกลัวทางโน้นจะรู้…แต่ฉันทนได้น้ำเสียงคุณยังราบเรียบปกติ    แต่ขอบตาคุณเริ่มแดงและน้ำเสียงเริ่มสั่นเครือเมื่อคุณบอกว่า
ฉันอยากขอโทษเธอ….
พนักงาน บริการเดินมาพอดี  เขารินเหล้าและเติมโซดามาปริ่มแก้ว   ผมยกเทลงคอพรวดเดียวเหลือแต่น้ำแข็ง…ไอ้ที่ทำท่าจะเดินจากก็ต้องกลับมาชง ใหม่  พร้อมมองค้อนนิดๆเหมือนจะพูดว่าหมอนี่ท่าจะคอทองแดง
เรื่อง นั้นไม่เป็นไร…ครั้งแรกที่คุณหันหลังเดินหนี ผมเฝ้าเดินตามคุณอยู่ร่วม 2 ปี แต่มาคิดอีกทีมันไม่มีประโยชน์ที่จะตามคนที่ไม่รู้จักหันหลังมามอง ผมหันหลังกลับและเดินไปตามทางของผม   ทุกวันนี้ผมสบายดีและสบายมากผมใส่คารม ความมึนจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้เริ่มเจรจาได้คล่อง
คุณหัวเราะทันที
ฉันคิดว่าเธอจะเลี้ยงลูกไม่ได้และต้องส่งลูกมาให้ฉันซะอีก แต่เธอเลี้ยงได้ และดีกว่าฉันเสียอีกคุณพูดเหมือนจะเยินยอ
ตรงไหนผมถาม
ก็ฉันนึกว่าลูกจะเป็นเด็กเก็บกดและเงียบขรึม ที่ไหนได้เค้าร่าเริงและอารมณ์ดีมีอารมณ์ขันคุณบอก
อาหาร มื้อนั้นอาจจะเป็นมื้อพิเศษที่สุดสำหรับลูก   แต่สำหรับผมและคุณอาจเป็นมื้อธรรมดา ๆ  เผลอๆอาจเป็นมื้อที่เราสองคนรู้สึกฝืดคอที่สุดก็อาจเป็นได้
ลูกกลับมาที่โต๊ะ….เรา…เลิกคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้  ปล่อยให้ลูกซึ่งท่าทางอยากจะคุยกับคุณมากกว่าเป็นผู้แสดงบทบาท
น้ำ แข็งในแก้วเหล้าละลายจนหมด  ผมลองยกขึ้นจิบ   รสชาติของมันปร่าแปร่งจนดื่มไม่ได้   ความรักชีวิตคู่ของผมกับคุณไม่ผิดอะไรกับเหล้าแก้วนี้…และระหว่างคุณกับ สามีใหม่ของคุณก็เหมือนเหล้าแก้วนี้เช่นกัน
เอาเหล้าแก้วนี้ไปทิ้งแล้วชงมาใหม่ผมบอกพนักงานบริการ….คราวนี้ผมเทลงคอพรวดเดียวหมดแก้วอีก
พนักงานบริการกลับมาชงให้ใหม่….อีกแก้ว
ฤทธิ์ แอลกอฮอล์วิ่งพล่านอยู่ในสมอง   ผมเห็นโลกทั้งใบรื่นรมย์ขึ้นมาทันที จริงๆแล้วผมว่ามันมีสีสันสดสวยเสมอไม่ว่ายามนี้หรือยามไหน   นั่นอาจเป็นสิ่งที่เจือจานไปถึงลูกของผม
ขณะเดียวกันโลกของคุณอาจหมองหม่น  ขาดชีวิตชีวายามที่คุณต้องใช้ชีวิตเพียงลำพัง…
เรา ทานอาหารร่วมกันไม่หมดโต๊ะ  เพราะไม่มีใครหิวกันซักนิด  แต่เราก็ต้องร่ำลากันตรงนั้นเพราะใกล้มืดค่ำ  และคุณต้องขับรถกลับบ้านที่อยู่ข้ามจังหวัดไปร่วม 200 กิโลเมตร
เหล้า แก้วสุดท้ายผมจิบไปนิดเดียว  แต่ตอนนี้มันกลับมาปริ่มล้นแก้วอีกแล้ว  ผมไม่บังอาจยกขึ้นมาดื่มได้อีก  เพราะรู้ดีว่ามันคือรสชาติของน้ำแข็งที่หลอมเหลวผสมโซดา  มันแปร่งปร่าไม่ซ่านลิ้นเหมือนเหล้าที่ชงใหม่  อีกซักพักเถอะ  พนักงานในร้านก็ต้องยกมันไปเททิ้ง….
ผม หิ้วเหล้าที่เหลือค่อนขวดติดมือมาด้วย  กะว่ามาชงกินเองที่บ้าน  อารมณ์ครึ้มของผมคงไม่เว้นวรรคปล่อยให้น้ำแข็งละลายจนเหล้าจืดเหมือนอย่าง ที่เคยเป็น.


http://www.facebook.com/plugins/like.php?href=http%3A%2F%2Fyuthmusic.blogspot.com%2F2010%2F09%2Fblog-post_18.html&layout=standard&show_faces=true&width=450&action=like&colorscheme=light&height=80

เผยแพร่ครั้งแรก
http://www.oknation.net/blog/yuth111/2007/12/15/entry-1

4 ความเห็น (+add yours?)

  1. ยัยต๊องส์
    ก.ย. 23, 2010 @ 21:52:46

    ไม่ขอวิจารณ์ใดๆๆเพราะทุกคนมีอดีตที่เจ็บปวดทั้งนั้นขึ้นแต่ว่าใครเจ็บและทนได้ก้าวเดินต่อได้ไกลว่ากันเหล้าแก้วนั้น จางลง คือประสบการณ์ชีวิตที่ยิ่งใหญ่แต่…เหล้าแก้วใหม่…คือ ปัจจุบัน อย่าทำให้มันจางเหมือนแก้วนั้นก็พอจ้องรู้ว่าจางจากอะไร จได้เติมได้ถูกเพื่อให้รสชาติลงลัวสามารถดื่มด่ำต่อไปได้…เหล้าจางเติมเหล้าให้ชีวิตร้อนแรงมากขึ้น…น้ำแข็งน้อยไปทำให้เข้มเกิน ร้อนแรง ก้อต้องเติมน้ำแข็ง ชีวิตจะได้เย็นมากขึ้น………และสุดท้ายมันจะได้เป็นเหล้าที่รสชาติลงตัว สามารถดื่มต่อในรสชาติที่เราชอบ ลงตัวได้อีกนานแสนนาน ในความทรงจำทั้งรูปสีในแก้ว กลิ่นที่หอมหวานของสุรา และรสชาติที่น่าจดจำเป็นรสชาติเฉพาะที่ไม่ต้องไปหาดื่มที่ไหน นอกจากเหล้าแก้วใหม่ที่บ้านหลังปัจจุบัน

    ตอบกลับ

  2. Anonymous
    ก.ย. 25, 2010 @ 10:55:13

    เป็นกำลังใจให้นะค่ะ เดี่ยวไม่นานอาจจะเปลี่ยนจากดื่มเหล้ามาดื่มน้ำผึ้งแทนรับรองหวานมิรู้ลืม สู้ต่อไปค่ะ แล้วเอาเหล้าแก้วนั้นไปทิ้งซะนะค่ะ

    ตอบกลับ

  3. ยัยต๊องส์
    ต.ค. 15, 2010 @ 07:59:21

    เหล้าแก้วนั้นเป็นไงไม่รู้..รู้แตตอนนี้เหล้าขวดนั้นยังจำได้ดี…

    ตอบกลับ

  4. ยัยต๊องส์
    พ.ย. 22, 2010 @ 02:57:26

    อยู่คนเดียวบ้างก็ดีว้าวุ่นใจมานานปีกับใครคนนั้นไม่สนก็ได้..ไม่ต้องมาแคร์กันทางใครทางมันแบบนั้นแหล่ะดีแต่เราก็รู้กันอยู่แก่ใจว่าทำไม่ได้หรอกนะ.ห่างกันอย่างนี้ยังไง๊..ยังไงความรู้สึกก็คงเดิมที่เคยมีก็ " คิดถึงเธอ" ทุกนาทีที่ห่างกัน

    ตอบกลับ

ใส่ความเห็น